ในที่สุดก็ลากทุกคนที่บ้านไปดุหนัง เรื่อง Inception ได้สำเร็จเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเองเป็นแฟนตามผลงานของพี่ลีโอ Leonado Di Caprio และ Christopher Nolan มาตลอด
หนุ่มแรก คือ นักแสดงที่มีพลังการแสดงที่แก่กล้าขึ้นทุกขณะ ไม่ว่าจะเริ่มจ่ากการประกบ จอห์นนี่ เดปป์ จาเรื่อง What's eating Gilbert Grape มาจนสุดความหล่อ จาก Romio& Juliat และพี่แจ็คจาก Titanic ส่วนอีกหนุ่ม คือ ผู้ผงาดจากการพลิกฟื้น Batman ใน Batman Return และ Dark Night ผู้กำกับโนแลน ชอบเล่นกับความคิดของคน และความบ้าคลั่งของคน เห็นได้จากการสร้างตัวละครอมตะอย่าง โจ๊คเกอร์ ที่เต็มไปด้วยความคาดเดาไม่ได้
ใน Inception โนแลนถามคำถามเราว่า ความจริงที่เราเห็นนั้นเป็นความจริงหรือฝัน เป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่ นีโอกินยาเม็ดสีแดงแล้วพบว่าชีวิตทั้งชีวิตที่ใช้มาคือ ความฝัน ในเรื่อง ดอม คอบบ์ พระเอกเป็น
อัจฉริยะที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน และถูกหลอกหลอนด้วยความรู้สึกผิดในสิ่งที่ตนทำกับภรรยาของตนเอาไว้ หนังวางเรื่องได้งดงามโดยการแนะนำเทคโนโลยีของการขโมยความลับโดยให้คนหลายคนเข้าไปในจิตใต้สำนึกของเหยื่อผ่านทางความฝัน ถึงแม้แนวคิดนี้จะถูกใช้มาแล้วกับหนังสยองขวัญ The nightmare on Elm street แต่มุมมองที่นำมาเล่นก็ยังมีความแปลกใหม่ น่าตื่นตา โดยหนังพาเราตามไปกับแนวคิดผ่านทางการอธิบายให้ Dream Architect คนใหม่ ฉากที่ติดตามาก คือ ฉาก พับเมืองปารีสมาจากฟ้า ทำให้เห็นทั้งทุนและจินตนาการที่ถึงมาก
หนังวางเรื่องตามแนว Mission Impossble มีการตาม Dream Team มารวมกัน กำหนด Mission และลุยลงไปในฝันซ้อนฝัน 4 ชั้น ผมชอบ Concept ของความเร็วของเวลาที่ต่างกันในฝันที่ถูกหนังเอามาเล่นได้อย่างงดงาม การสื่อระหว่างฝันโดยใช้เพลง การฝัง ความคิด หรือ Inception ทำได้น่าสนใจมาก
หนังฝากประเด็นไว้หลายเรื่อง เรื่องแรก คือ การหนีปัญหาไม่ใช่ทางแก้ เพราะเราไม่มีทางหนีจากตัวเราได้ ต้องกล้าเผชิญความจริงและดับที่ต้นเหตุ ครับ หนังฝากความสงสัยว่าความฝันกับความจริงนั้นแยกกันอย่างไร หนังเสนอว่าไม่ว่าฝันจะสุขอย่างไร เราควรกลับมาหาความจริงเสมอ
พี่ลีโอเล่นได้เด็ดขาดครับ รวมทั้งทีมงานทุกคน ที่ทำให้หนังสมบูรณ์มาก ข้อตินิดๆ คือ หนังดูยากสำหรับคนที่ไม่ได้ช่างคิด มีปมซับซ้อนมากทีเดียวที่ถ้าหลุดแล้วหนังอาจจะไม่สนุกก็ได้
สรุปแล้ว.......หนังเรื่องนี้ห้ามพลาดครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น