
เชื่อมโยง (connection) เป็นเคล็ดวิชาที่ผมชอบใช้ออก ทุกสิ่งหากขาดการเชื่อมโยง ยากจะเกิดพลัง
ลองคิดถึง อินเทอร์เน็ต สิ่งที่อินเตอร์เน็ตก่อเกิด คือ การเชื่อมโยง ทุกที่ทุกเวลา
เมื่อก่อน ใครมีข้อมูล เก็บเอกสาร ถือเป็นสมบัติ ใครมีความรู้มาก ข้อมูลมาก ยิ่งต้องเก็บไว้ ไม่แบ่งปัน ทำให้เกิดอำนาจเหนือคนอื่น พระในยุคกลางของ ยุโรปถึงเก็บเอกสารไว้อย่างดี สอนการเขียนอ่านเฉพาะพวกตน ทำให้ขุนนาง และ กษัตริย์ ต้อง มาพึ่งความรู้ในการจดบันทึก การคำนวณภาษี จนพ่อค้าแย่ง ความรู้ในการอ่านเขียนไปได้ ตลอดจน การพิมพ์ไบเบิลของ กูเตนเบิร์ก ที่เปิดโลกแห่งความรู้ให้เป็นของสาธารณะ
ในยุค อินเทอร์เน็ต เรามี ไซเบอร์เสปซ แทบทุกอย่างหาเอาได้จากเน็ต กลายเป็นโลกที่ Google คือ ผู้ถือครองประตูความรู้ เหมือนเป็น Oracle แห่งวิหารเดลฟี
โลกตอนนี้ได้เปลี่ยนไปแล้วชั่วนิรันดร์ครับ เพราะ คำว่า เชื่อมโยง (connection)
ใครมีความรู้ต้องแบ่งปันครับ ใครไม่แบ่งปัน เชื่อมโยงกับผู้อื่นก็จะถูกกันออกจากสังคม นวัตกรรมเริ่มเกิดจากปวงชนเป็น ของเปิดเผย
โลกที่ใครๆอยากรู้อะไรก็เข้าถึงได้นั้น Information is Power
โลกที่นักวิจารณ์วิเคราะห์จะมีบทบาทกว่านักข่าวปกติ
เพราะข่าวจาก tweeter อาจเร็วกว่า CNN หรือ รอยเตอร์
Power เป็นของผู้ที่เชื่อมโยง! Information ให้เป็น Knowledge
ในโลกของ Open Source ท่านจะเห็นว่า Ecosystem คือ Connection
สร้าง solution ทาง ไอที จากการเชื่อมโยง Framework, Code, Gadget ต่างๆ เข้าหากัน
โดยที่ Ecosystem จะสมบูรณ์โดยผู้ใช้ก็ สร้างบางสิ่ง คืนไป ครับ เป็นวงจรของ
Invent--> Integrate---> Invent ไปเรื่อยๆ
Power เป็นของผู้ที่เชื่อมโยง!! Module ให้เป็น Software
ผมต้องทำงานในการบริหารประชาคม หรือ ทีมงานเพื่อบรรลุเป้าหมายมาหลายงาน พบว่า
เทคนิค คือ หาคนที่เหมาะ ปัญหาที่เหมาะ ทรัพยากรที่เหมาะ แล้วจับมา เชื่อมโยง ก็จะสำเร็จ
Power เป็นของผู้ที่เชื่อมโยง!! Individual ให้เป็น Teamwork
ตั้งคำถามใหม่ การศึกษาไทยเราสอนคนให้กลั่นกรอง เชื่อมโยง หรือ ยัง
ผมว่าเรายังเน้นทำเป็น คิดเป็นบ้าง ยังไม่เชื่อมโยง
ผมเคยตั้งโจทย์เด็ก ลองเดินเข้าร้านหนังสือใหญ่สักร้าน คุณเชื่อมโยงได้ไหม ว่าคนไทยเป็นอย่างไร ?
ยังไม่สายครับ ทำได้ครับ และคงต้องทำ
สุดท้าย ประเทศเรา รักกัน สามัคคีกัน ปัญหาจะหายไป ถ้าทุกคน เชื่อมโยง ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น